Engagement การตลาด คือสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนวงการธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างไร เมื่อลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นแล้วแต่ละแบรนด์ต้องปรับตัวตามอย่างไร เพื่อให้แบรนด์สามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ การทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยกลยุทธ์เชิงลึกจะปั้นยอดขายของคุณอย่างเป็นระบบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน!
Engagement การตลาด คืออะไร ?
Engagement การตลาด คือการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน โดยเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การกดไลก์ การแชร์ การคอมเมนต์ การคลิกดูเนื้อหา หรือแม้แต่การซื้อสินค้าและใช้บริการจริง ซึ่งไม่ใช่แค่การรับรู้ในแบรนด์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงการตอบสนองและมีปฏิสัมพันธ์อย่างเห็นผลชัดเจน
ความสำคัญของการสร้าง Engagement คืออะไรสำหรับธุรกิจ
ความสำคัญของการสร้าง Engagement จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ พร้อมยกระดับความไว้วางใจและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สร้างการรับรู้และความนิยมที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่เพราะการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีความผูกพันอยู่แล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่านั่นเอง
กลยุทธ์เพิ่มปฏิสัมพันธ์ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมรวมถึงความต้องการผ่านช่องทางที่ลูกค้าใช้สื่อสาร เพื่อออกแบบคอนเทนต์และประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าโดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ
สร้างเนื้อหามีคุณภาพและน่าสนใจ
การสร้างเนื้อหาที่ดีและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ลูกค้าเห็นคุณค่าและสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ เช่น บทความที่มีประโยชน์นำไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริง, วิดีโออินโฟกราฟิกหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ลูกค้าสนใจและอ่านเข้าใจง่าย อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการแชร์และการพูดคุยมากขึ้นในกลุ่มสังคมออนไลน์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยขยายการสร้างการรับรู้แบรนด์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม
ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และ TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้โดยตรงและง่าย หากสื่อสารและตอบกลับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเป็นมิตรก็จะช่วยให้เกิดความผูกพันในระยะยาว
สำหรับ Engagement Facebook เรามีเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมง่าย ๆ ได้แก่ การโพสต์คอนเทนต์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม, การสร้างพื้นที่สนทนาอย่างเป็นระบบ, การใช้ Facebook Groups สำหรับแฟนเพจที่มีความสนใจแบบเดียวกัน, การทำโฆษณาแบบเสียเงินในแคมเปญที่ตรงกับความสนใจลูกค้าอย่างแท้จริง และการตอบความคิดเห็นของลูกค้าได้ทันเวลา สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มยอด Engagement และยิ่งเป็นเกราะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างแบรนด์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ส่วน Engagement Instagram ให้เน้นไปที่การใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Instagram Stories, Reels, การไลฟ์, การเลือกรูปภาพสวยตรงใจ, การใช้แฮชแท็กที่เหมาะสม และการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ เพื่อกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์จากกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
การใช้กลยุทธ์ Loyalty Program และกิจกรรมร่วมสนุก
การให้รางวัลหรือโปรโมชันสำหรับลูกค้าประจำอย่างระบบสะสมแต้ม การแจกคูปองส่วนลด หรือกิจกรรมทางโซเชียลมีเดีย เช่น กิจกรรมชวนเกมเกม การประกวด หรือกิจกรรม Meet & Greet กับพรีเซนเตอร์ชื่อดังก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและสร้างความประทับใจได้มาก ทำให้ลูกค้าที่บางครั้งเป็นฐานแฟนคลับศิลปินอยู่แล้วกลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เห็นได้ชัดคือน้องหมีเนยที่ไม่ว่าจะไปคอลแลปกับแบรนด์ไหนของก็หมดเกลี้ยงขายดีแบบเกินคาด เป็นต้น
การสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล
เมื่อแบรนด์เลือกใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสม เช่น การส่งข้อความอวยพรวันเกิด, การมอบสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคลหรือการแนะนำสินค้าที่ตรงกับความสนใจจริง ๆ จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าและอยากมีความสัมพันธ์กับแบรนด์ต่อเนื่อง
การวิเคราะห์และทดลองกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
หลายแบรนด์ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google Analytics หรือ Facebook Business Manager เพื่อติดตามพฤติกรรมและผลตอบรับจากกลยุทธ์ต่าง ๆ แล้วปรับปรุงให้เหมาะกับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการทดลองใช้ AI Tools ในการสร้างคอนเทนต์หรือวางแผนตลาดก็ช่วยเพิ่ม Engagement ได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนได้มาก
หลีกเลี่ยงการตอบสนองเร็วเกินไปในบางสถานการณ์
การไม่ตอบโต้คอมเมนต์หรือข้อความทันทีจนเกินไป บางครั้งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ติดตามกลับมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในโพสต์ใหม่ ๆ และช่วยเพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมโดยรวม
ยกตัวอย่าง: Brand แฟชั่น
สถานการณ์: แบรนด์เสื้อผ้าโพสต์รูป “เสื้อตัวไหนที่คุณชอบมากที่สุด? A, B หรือ C?”
แทนที่จะตอบกลับทุกคอมเมนต์ทันทีแล้วจบบทสนทนา แต่หากรอให้มีคอมเมนต์สะสม 20-30 คน (ประมาณ 2-4 ชั่วโมง) แล้วจึงตอบกลับครั้งเดียว เช่น “ขอบคุณทุกคนที่ร่วมโหวต! ตัว B ได้คะแนนสูงสุดเลย ใครอยากเห็นมันแมทช์กับอะไรบ้าง?”
ผลลัพธ์: คนที่โหวต B รู้สึกชนะ ในอนาคตกลุ่มคนเหล่านี้มีสิทธิกลับมาคอมเมนต์เพิ่ม และคนอื่น ๆ อาจมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการแมทช์เสื้อผ้าเพิ่มเป็นการโต้ตอบกันเองระหว่างลูกเพจ เป็นต้น
วางแผนการสื่อสารและเวลาการโพสต์
การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการโพสต์เนื้อหาเพื่อให้ได้ Engagement สูงสุดก็เป็นส่วนประกอบที่แม้จะดูเล็กน้อยแต่ก็สำคัญ ไม่ควรมองข้าม เช่น การโพสต์ก่อนช่วงพีกไทม์เล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อหาของเราไปปะปนกับคอนเทนต์อื่น ๆ มากจนเกินไป ทำให้ถูกมองเห็นมากขึ้นและเกิดปฏิสัมพันธ์ได้ดีขึ้น หรือ Facebook Business Manager จะมีการแนะนำเวลาที่คิดว่าเหมาะสมกับเพจเรา ก็สามารถทดลองตั้งโพสต์ตามเวลาที่ระบบแนะนำได้ในช่วงแรก ๆ แล้วจึงปรับเวลาเองตามความเหมาะสม

เพิ่ม Engagement ด้วยการดูแลทุกแพลตฟอร์มอย่างครอบคลุมทั่วถึง
เรียกได้ว่า Engagement การตลาด คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อยอดขาย เพียงใช้กลยุทธ์เพิ่มปฏิสัมพันธ์ลูกค้าอย่างเหมาะสมและรอบด้าน ทั้งในแง่ของการทำความเข้าใจลูกค้า การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ การเลือกช่องทางและเวลาที่เหมาะสม รวมถึงการให้บริการอย่างเป็นส่วนตัว ก็จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นได้ แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจแบรนด์ไหนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือยังไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรจึงจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดก็สามารถเข้ามาปรึกษาทีมของ Convert Digital ได้ เพราะเรามีบริการด้านการตลาดแบบครบวงจร มั่นใจได้กับยอดขายที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพเพียงสร้าง Engagement การตลาดกับมืออาชีพ
ผู้เขียน
ธิดารัตน์ ศรีวิไล : หัวหน้าทีมคอนเทนต์
ตัวแม่ด้านคอนเทนต์ที่รักในการอัพเดทความรู้ใหม่ ๆ มีประสบการณ์ทั้งในด้านการตลาดและการเป็นนักข่าวมากว่า 10 ปี เธอเป็นนักชิมตัวยงที่รักการออกกำลังกาย และยังเก่งในการทำขนมอบหลากหลายชนิดในเวลาว่างอีกด้วย