หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังทำธุรกิจและมีเว็บไซต์เพื่อสื่อสารและทำการตลาดช่องทางนี้ คุณต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณพร้อมสำหรับการแข่งขันบน Search Engine จริง ๆ ซึ่ง SEO Audit เป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามามีบทบาท เสมือนการตรวจสุขภาพเว็บไซต์ที่บอกได้ชัดเจนว่าคุณกำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ SEO Audit และเรียนรู้ 10 ขั้นตอนสำคัญที่จะเปลี่ยนเว็บไซต์ของคุณให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างยอดขายอย่างแท้จริง
SEO Audit คืออะไร?
SEO Audit คือ การตรวจสอบและประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเว็บไซต์ คุณภาพเนื้อหา ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ความเข้ากันได้กับมือถือ รวมถึงการจัดการ URL และการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google ซึ่งการที่เรามีเครื่องมือนี้จะทำให้สามารถค้นหาจุดที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาให้เว็บไซต์มีคุณภาพดีขึ้นและช่วยให้เว็บของเราติดอันดับการค้นหาที่สูงขึ้นได้ ข้อดีคือเราจะรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของเว็บไซต์ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ลดต้นทุนในการผลิตเนื้อหาใหม่ และทำให้กลยุทธ์การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
10 ขั้นตอนการทำ SEO Audit บันไดก้าวแรกสู่การเพิ่มยอดขายได้สำเร็จ
-
ตรวจสอบ URL และโดเมน
เลือก URL หลักเพียงเวอร์ชันเดียว โดย URL หลักคือที่อยู่เว็บไซต์หลักที่ควรตั้งค่าให้ชัดเจนและใช้สื่อสารกับ Google เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีและไม่มีปัญหาเรื่องเนื้อหาซ้ำซ้อนจากหลาย ๆ URL และทำ Redirect ทุกเวอร์ชันของ URL มายังเวอร์ชันหลัก นอกจากนี้ยังตรวจสอบว่ามี SSL Certificate เพื่อความปลอดภัย
ตัวอย่างเช่น https://name.com ประกอบด้วยส่วนสำคัญ ได้แก่ https:// คือโปรโตคอลที่บอกว่าใช้การเชื่อมต่อแบบปลอดภัย (SSL) และ name.com คือชื่อโดเมนหลักของเว็บไซต์
การเลือกใช้ URL หลักเพียงเวอร์ชันเดียว เช่น https://name.com หมายถึงเวอร์ชันที่ไม่มี www หรือมี www แต่กำหนดให้ redirect ไปยังเวอร์ชันหลัก เพื่อป้องกันปัญหา SEO ที่เกิดจาก Google มองว่า https://www.name.com และ https://name.com เป็นเว็บไซต์คนละเวอร์ชันกัน หรือ https กับ http ก็ถือเป็น URL ต่างกัน
-
ตรวจสอบ On-Page SEO
On-Page SEO คือกระบวนการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในหน้าเว็บไซต์ของเราเอง เพื่อให้เหมาะสมกับทั้งผู้ใช้งานและตัวอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google เป้าหมายหลักของ On-Page SEO คือทำให้เว็บไซต์หรือหน้าเว็บนั้นๆ มีโอกาสติดอันดับดี ๆ บนหน้าแรกของผลการค้นหาเมื่อมีผู้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์นั้น
องค์ประกอบของ On-Page SEO เช่น การปรับเนื้อหาให้ตรงกับเจตนาของผู้ค้นหา (Search Intent), ตรวจสอบและปรับปรุง Title Tags, Meta Description, Header Tags ว่ามีการใส่ Keyword ที่ต้องการแล้วหรือยัง, การเพิ่มลิงก์ภายใน (Internal Links), การจัดโครงสร้าง URL ให้เหมาะสม รวมถึงการทำให้หน้าเว็บโหลดเร็วและเป็นมิตรกับมือถือ (Mobile Friendly), ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา (H1, H2, H3) และการใช้ Keyword อย่างเหมาะสม และตรวจสอบการใช้ภาพและ ALT Text ให้ถูกต้อง
-
ตรวจสอบความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์
การตรวจสอบความเร็วเว็บโดยใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights หรือ GTmetrix ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และตรวจสอบ Core Web Vitals ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ เพราะจะช่วยระบุจุดที่ทำให้เว็บโหลดช้า เช่น รูปภาพขนาดใหญ่ สคริปต์ที่ต้องปรับปรุง ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันที ส่งผลให้ประสบการณ์ผู้ใช้ดีขึ้น ลดอัตราการออกจากเว็บ และได้คะแนน SEO ดีจาก Google ที่ชื่นชอบเว็บโหลดเร็ว
-
ตรวจสอบ Mobile Friendly
ตรวจสอบว่าเว็บไซต์แสดงผลได้ดีบนมือถือผ่าน Google Mobile-Friendly Test และปรับ UI/UX ให้เหมาะสมช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้มือถือจะอยู่ในเว็บนานขึ้น และลดอัตราการที่คนดูรีบออกไปดูอย่างอื่นแทน ซึ่ง Mobile Friendly เป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับของ Google ที่เน้นประสบการณ์ผู้ใช้บนมือถือ
ตัวอย่างเช่น Google Mobile-Friendly Test จะตรวจสอบว่าเว็บสามารถแสดงผลเต็มจอ หรือมีปัญหาเรื่องขนาดตัวอักษร ลิงก์ที่กดยาก สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดนั่นเอง
-
ตรวจสอบการจัดทำดัชนี (Index)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Google สามารถเก็บข้อมูลหน้าเว็บทั้งหมดได้ เราจะเห็นและแก้ไขหน้าที่ Google ไม่ได้จัดทำดัชนีหรือเกิดข้อผิดพลาด เช่น หน้า 404 หรือข้อผิดพลาดใน Robots.txt ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับได้เต็มที่
-
ตรวจสอบ Backlink และ Broken Link
ตรวจสอบลิงก์คุณภาพและจำนวน Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ ช่วยประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บและอันดับ SEO ในขณะที่การแก้ไข Broken Link จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และลดปัญหา crawl error
ตัวอย่างเช่น ใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs หรือ Google Search Console ตรวจสอบลิงก์ขาเข้าคุณภาพและลิงก์ที่เสีย เพื่อจัดการแก้ไขอย่างเหมาะสม
-
วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน
การวิเคราะห์ด้วย Google Analytics ช่วยให้เข้าใจว่าผู้ใช้เข้าชมหน้าไหนบ้าง นานเท่าไหร่ จุดที่สนใจ และช่องทางเข้ามา ข้อมูลเหล่านี้ช่วยปรับปรุงเนื้อหาและดีไซน์ให้ตรงใจผู้ใช้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Google Analytics แสดงรายงานจำนวนผู้เข้าชมจริงแบบเรียลไทม์, หน้าที่ยอดนิยม, Bounce Rate และเส้นทางการใช้งานของผู้ใช้
-
ตรวจสอบเนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content)
ตรวจสอบว่ามีเนื้อหาซ้ำซ้อนหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดอันดับ เพื่อป้องกันปัญหาที่ Google อาจลงโทษเว็บไซต์เนื่องจากมีเนื้อหาซ้ำซ้อนหลาย URL ซึ่งทำให้อันดับ SEO ลดลง โดยการใช้เครื่องมือ Screaming Frog หรือ Siteliner ตรวจสอบเนื้อหาที่ซ้ำกัน และจัดการโดยการปรับแต่งหรือทำ canonical tag
-
ตรวจสอบ Meta Tags และ Schema Markup
ตรวจสอบว่า Meta Tags ทุกหน้าถูกต้องครบถ้วน และใช้ Schema Markup เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บไซต์ได้ดีขึ้นและแสดงผลในรูปแบบที่เหมาะสมในหน้าค้นหา จึงเพิ่มอัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ได้
-
สรุปและวางแผนปรับปรุง
การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากการตรวจสอบ และวางแผนเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขจะทำให้การพัฒนาเว็บไซต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจน ไม่สับสน และติดตามผลได้รวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น สร้างรายงาน SEO Audit พร้อมตารางแผนงาน เช่น ต้องแก้ปัญหา broken link ก่อน จากนั้นเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วเว็บ แล้วตรวจสอบ Meta Tags ใหม่ ฯลฯ
Convert Digital ตัวช่วยในการดูแลสุขภาพเว็บไซต์แทนคุณ
การทำ SEO Audit เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และด้วย 10 ขั้นตอนที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้าง URL ไปจนถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้จากที่เราได้นำเสนอไปแล้วข้างต้นนี้ คุณคงพอจะมองเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นแล้ว สิ่งนี้จะช่วยในการวางแผนเพื่อให้คุณได้ลงมือทำจริงอย่างถูกทางมากขึ้น
แต่การทำ SEO ไม่ใช่งานที่ทำครั้งเดียวแล้วเสร็จ เพราะเป็นกระบวนการที่ต้องติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การทำ SEO Audit เป็นประจำจะช่วยให้คุณก้าวนำคู่แข่งและรักษาอันดับการค้นหาที่ดีได้ในระยะยาว แต่หากคุณมองว่าในขั้นตอนนี้ยุ่งยากและเสียเวลา ก็สามารถเข้ามาปรึกษาที่ Convert Digital ได้ เรามีบริการที่ครอบคลุมอย่างครบวงจร และด้วยทีมงานมืออาชีพของเรา คุณจึงมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีเราดูแลตรวจสอบแทนคุณ!
ผู้เขียน
ธิดารัตน์ ศรีวิไล : หัวหน้าทีมคอนเทนต์
ตัวแม่ด้านคอนเทนต์ที่รักในการอัพเดทความรู้ใหม่ ๆ มีประสบการณ์ทั้งในด้านการตลาดและการเป็นนักข่าวมากว่า 10 ปี เธอเป็นนักชิมตัวยงที่รักการออกกำลังกาย และยังเก่งในการทำขนมอบหลากหลายชนิดในเวลาว่างอีกด้วย
