การก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านการสื่อสาร การทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้กระทั่งการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ เพราะฉะนั้นแล้ว นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้การทำ GEO (Generative Engine Optimization) หรือ กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาให้มีความเหมาะสมกับเครื่องมือการค้นหาที่มีการขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบ AI จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อประโยชน์ในการช่วยทำให้เนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นมาบนเว็บไซต์ของคุณมีความสอดรับกับระบบ AI อัจฉริยะ ที่สามารถสร้างและนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาได้แบบเรียลไทม์
การทำ GEO (Generative Engine Optimization) คืออะไร ?
การทำ GEO (Generative Engine Optimization) เป็นกลยุทธ์ใหม่ในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ ที่ถูกพูดถึงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2023 โดยการทำ GEO จะมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเนื้อหาดิจิทัลที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube, Facebook Page และอื่น ๆ ให้มีความสอดคล้องกับเครื่องมือค้นหาที่มีการทำงานร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า AI Generative Engines เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสและความเป็นไปได้ที่ชื่อของธุรกิจหรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณจะมาปรากฏอยู่ในคำตอบของ Generative AI อย่าง ChatGPT, Gemini, Bing Chat หรือ Google SGE
สำหรับยุค AI มีความเปลื่ยนแปลงมากเราขอแนะนำวิธีการทำ seo ในปี 2025 (อ่านต่อได้เลย)
การทำ GEO (Generative Engine Optimization) มีความสำคัญอย่างไร ?
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า การก้าวเข้าสู่ยุคของ AI ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อรูปแบบและวิธีการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันนี้ โดยจะเห็นได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นได้หันมาใช้งานระบบ AI Search เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการกันมากยิ่งขึ้น จนเป็นผลทำให้ปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกของหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแล้ว การทำ GEO (Generative Engine Optimization) จึงได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถมองเห็นเนื้อหาหรือความเป็นตัวตนที่ธุรกิจต้องการจะนำเสนอออกมาในการค้นหาข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไขข้อสงสัย การทำ GEO (Generative Engine Optimization) แตกต่างจากการทำ SEO อย่างไร ?
แม้ว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) และการทำ GEO (Generative Engine Optimization) จะมีวัตถุประสงค์หลักที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในแง่มุมของการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการค้นพบเนื้อหาของกลุ่มเป้าหมาย แต่ทว่าการทำ SEO จะมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเนื้อหาให้มีความเหมาะสมกับระบบ Algorithm ของ Search Engines เพื่อเป้าหมายในการปรับปรุงอันดับของหน้าเว็บไซต์ที่แสดงผลในการค้นหาของเครื่องมือค้นหา (SERP) ให้ดียิ่งขึ้นเป็นสำคัญ ในขณะที่การทำ GEO (Generative Engine Optimization) นั้นจะให้ความสำคัญกับการปรับแต่งเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบการตอบคำถามของ AI และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถามได้อย่างแท้จริง
เจาะลึกเทคนิคการทำ SEO เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการทำ GEO (Generative Engine Optimization) เพื่อ AI แบบเบื้องต้น
การทำ SEO มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการช่วยเพิ่มโอกาสให้เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์สามารถเข้าถึงระบบการค้นหาของ AI และสามารถแสดงผลเพื่อช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหาได้อย่างแท้จริง ซึ่งกลยุทธ์สำหรับการทำ SEO เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการทำ GEO (Generative Engine Optimization) เพื่อ AI นั้นก็มาพร้อมด้วยรายละเอียดที่คุณสามารถทำตามได้แบบเบื้องต้น ดังนี้
การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหา SEO
สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดในการทำ SEO เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการทำ GEO (Generative Engine Optimization) คือ การสร้างเนื้อหาที่มีความถูกต้อง ครอบคลุม ละเอียด และมีความเชื่อถือ ร่วมกับการใส่ข้อมูลอ้างอิงของผู้เขียนและเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์อย่างชัดเจน เพื่อแสดงให้ระบบ Generative Engines สังเกตเห็นได้ว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและมีความเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ อย่างแท้จริง
การสร้างเนื้อหาที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย
โดยทั่วไปแล้วระบบ Generative Engines จะมีนำเอาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาใช้ประโยชน์ในการช่วยสังเคราะห์และสรุปรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไปแสดงผลในรูปแบบของคำตอบให้กับผู้ที่ซักถาม เพราะฉะนั้นแล้ว การสร้างเนื้อหาที่ระบบ AI จะสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้การทำ SEO และการทำ GEO (Generative Engine Optimization) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การติดตั้ง Schema Markup บนเว็บไซต์
Schema Markup เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือชิ้นสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO และการทำ GEO (Generative Engine Optimization) ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการติดตั้ง Schema Markup บนเว็บไซต์จะช่วยทำให้ Google Bot รวมถึง Generative AI สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนทำให้เว็บไซต์มีโอกาสที่จะปรากฏอยู่ในคำตอบของ AI ที่มากขึ้นตามไปด้วย
สรุป GEO (Generative Engine Optimization)
อนาคตของการทำ SEO ยังคงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยจะเห็นได้ว่าการทำ SEO ในอดีตจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการ ร่วมกับการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้สามารถดึงดูด Search Engine Crawlers ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทว่าการทำ SEO ในปัจจุบันนี้กลับมีการมุ่งเน้นไปที่การผสมผสานเทคนิคในการทำ SEO แบบดั้งเดิม เข้ากับแนวทางในการสร้างการตอบสนองของ Generative AI เพื่อช่วยทำให้ผลลัพธ์ของการทำ SEO มีความสอดคล้องอนาคตที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI และสามารถบรรลุเป้าหมายในการทำ GEO (Generative Engine Optimization) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หวังบทความจาก convertdigital นี้จะช่วยให้คุณรู้จัก GEO มากขึ้น
References
- https://rockcontent.com/blog/generative-engine-optimization-geo/#:~:text=GEO%20focuses%20on%20optimizing%20content,experience%2C%20and%20page%20loading%20speed.
- https://contentshifu.com/blog/geo#:~:text=Generative%20Engine%20Optimization%20(GEO)%20%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%20%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD,%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%20Personal
- https://talkatalka.com/blog/generative-engine-optimization-geo/