ในยุคนี้ที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด เทคโนโลยี Marketing Automation จะเข้ามามีบทบาทสำคัญและเปลี่ยนการทำการตลาดแบบเดิม ๆ ไป เพราะผู้ประกอบการหรือพนักงานไม่จำเป็นต้องเสียเวลาซ้ำซ้อนในแต่ละวัน แถมเสี่ยงต่อความผิดพลาดจากฝีมือคน ยิ่งคุณเองทำธุรกิจ SME หรือสตาร์ทอัพที่มีจำนวนสมาชิกไม่มาก ก็จะยิ่งทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพด้วยระบบนี้ มาดูกันมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
Marketing Automation คืออะไร?
การตลาดอัตโนมัติ หรือ Marketing Automation คือการนำเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์มาช่วยจัดการด้านการตลาด ด้านความสัมพันธ์กับลูกค้าให้เป็นระบบอัตโนมัติอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม ส่งคอนเทนต์ที่ตรงใจ ไปจนถึงการติดตามผลและปรับปรุงกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ จึงช่วยสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำตรงจุด
จุดเด่นของ Marketing Automation ช่วยให้ทำธุรกิจง่ายขึ้น
ไม่ได้ช่วยเพียงการทำงานที่เร็วขึ้น แต่ยังทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเป็นระบบ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยให้การทำธุรกิจของคุณง่ายขึ้นและยอดขายมากขึ้น
1. ทำให้สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างเป็นระบบ และวัดผล ROI ได้แม่นยำ
ด้วยระบบที่เรียนรู้พฤติกรรมและความชอบของลูกค้าโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อเสนอที่ตรงใจตามเวลาที่เหมาะสม หรือการปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจของแต่ละบุคคล ที่สำคัญคือทุกการกระทำจะสามารถวัดผลได้ชัดเจน ตั้งแต่อัตราการเปิดอีเมล จนถึงการแปลงเป็นยอดขายจริง ทำให้ผู้ประกอบการรู้ว่าการลงทุนแต่ละบาทได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าไหม
2. ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เมื่อเทียบกับการจ้างงานแบบเดิม ๆ
เนื่องจากเราไม่ต้องจ้างทีมใหญ่มีจำนวนคนเยอะเพื่อส่งอีเมลติดตามลูกค้า หรือวิเคราะห์ข้อมูล แต่หากใช้ Marketing Automation ก็จะเหมือนมีพนักงานทำงานให้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีพัก แถมประหยัดค่าแรงในการจ้างและลดโอกาสความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือของคนหลายคน ทำให้ธุรกิจ SME สามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย
ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า (Lead Scoring) จะสามารถให้คะแนนลูกค้าที่มีคุณภาพตามพฤติกรรมการใช้งาน เช่น การเปิดเว็บไซต์ การดาวน์โหลดเนื้อหา หรือการโต้ตอบกับโซเชียลมีเดีย ทำให้ทีมขายรู้ว่าควรโฟกัสกับลูกค้าคนไหนก่อน ส่วนการติดตามลูกค้าอัตโนมัติ (Automated Follow-up) ก็จะติดตามลูกค้าอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
4. ขยายโอกาสทางการตลาดแบบ Omnichannel เชื่อมโยงหลายช่องทาง เช่น Email, LINE, Facebook Messenger
ไม่ต้องเลือกใช้แค่ช่องทางเดียว เพราะ Marketing Automation คือระบบที่เชื่อมโยงทุกจุดที่ลูกค้าใช้งานไว้แล้ว ตั้งแต่ Email, LINE Official Account, Facebook Messenger และ SMS ไปจนถึงการแสดงโฆษณาแบบ Retargeting ทำให้ข้อความของแบรนด์ไปถึงลูกค้าในรูปแบบและช่วงเวลาที่เขาสะดวกที่สุด จึงเพิ่มโอกาสการมองเห็นและจดจำแบรนด์ได้ดี
5. ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ได้ด้วยข้อมูลและการทดสอบ A/B Test
ด้วยเครื่องมือ A/B Testing ที่สามารถทดสอบหัวข้ออีเมล เนื้อหา หรือเวลาในการส่งแบบอัตโนมัติได้ เมื่อพบว่าเวอร์ชันไหนให้ผลดีกว่าระบบจะปรับใช้เวอร์ชันที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ทำให้เราได้ผลวิเคราะห์จากข้อมูลแบบเรียลไทม์จึงเห็นผลของแคมเปญได้ในทันที โดยไม่ต้องคอยปรับแต่งด้วยตัวเอง
6. เพิ่ม Customer Lifetime Value ด้วยแคมเปญดูแลลูกค้าเก่าและโปรแกรม Loyalty
การหาลูกค้าใหม่เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาลูกค้าเก่า ดังนั้น Marketing Automation จึงสร้างแคมเปญดูแลลูกค้าเก่าแบบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะส่งข้อเสนอพิเศษในวันเกิด แนะนำสินค้าที่เข้ากันกับประวัติการซื้อ หรือโปรแกรม Loyalty ที่เพิ่มแรงจูงใจให้ซื้อซ้ำ ผลที่ได้คือมูลค่าที่ลูกค้าแต่ละรายใช้จ่ายไปกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจนั้น หรือ Customer Lifetime Value สูงขึ้นและลูกค้าก็กลายเป็นลูกค้าประจำ
ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน Marketing Automation มีดังนี้
- กำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดให้ชัดเจน
เช่น เพิ่มการมีส่วนร่วม หรือดูแลลูกค้าเก่า, ต้องการเพิ่มยอดขาย หรืออยากสร้างลีดใหม่ ฯลฯ
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจาก CRM, เว็บไซต์, Social Media เพื่อสร้าง Persona และแบ่งกลุ่มลูกค้าตามความสนใจหรือพฤติกรรม
- ออกแบบ Customer Journey และ Workflow
โดยการวางแผนเส้นทางของลูกค้าตั้งแต่ Awareness > Consideration > Conversion > Retention นอกจากนี้ยังกำหนด Trigger เช่น การคลิก, การดาวน์โหลด, การทิ้งตะกร้าสินค้า เป็นต้น
- ตั้งค่าเครื่องมือ Marketing Automation อย่างเหมาะสม
เลือกซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ เช่น HubSpot, Mailchimp, ActiveCampaign, Zoho หรือเครื่องมือที่รองรับภาษาไทยและเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้
- สร้างคอนเทนต์และแคมเปญที่ตรงใจลูกค้า
คิดข้อความและปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละกลุ่ม เช่น อีเมลติดตาม, ข้อเสนอพิเศษ, คูปองส่วนลด หรือบทความให้ความรู้ เป็นต้น
- ทดสอบและปรับปรุง (A/B Testing & Optimization)
ทดลองทำโดยการปรับเปลี่ยนหัวเรื่องอีเมล, ช่วงเวลาการส่ง, เนื้อหา และ Call-to-Action รวมถึงการวิเคราะห์ผลและปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
- วัดผลและคำนวณ ROI
ติดตาม KPI เช่น Open Rate, Click Rate, Conversion Rate, Revenue per Email และปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลจริง

ยกตัวอย่างเครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับ Marketing Automation
ไม่ว่าคุณจะเริ่มทำธุรกิจเริ่มต้นที่ต้องการความง่ายและประหยัด หรือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงแบบครบครัน การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนครั้งนี้ และหลีกเลี่ยงการเสียเงินไปกับฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ดังนั้นเราจึงขอหยิบแพลตฟอร์มยอดนิยม 3 เจ้ามาให้ศึกษาดังนี้
Mailchimp : รวมฟีเจอร์สำหรับการโฆษณาออนไลน์, การจัดการลูกค้าสัมพันธ์, A/B Testing และ Performance Reporting แบบละเอียด, การสร้างเว็บไซต์และ Landing Pages และอื่นๆ
ข้อดี: เสียค่าใช้จ่ายเหมาะสมและใช้งานง่าย เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
ข้อเสีย: หากธุรกิจไหนต้องการความซับซ้อนมาก ๆ ในการทำงานอาจไม่มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น
HubSpot : คือแพลตฟอร์มที่ให้บริการแบบครบวงจร เพื่อช่วยธุรกิจจัดการและพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนการหาลูกค้าใหม่ไปจนถึงการดูแลลูกค้าเก่า และรวมข้อมูลการตลาดอื่น ๆ ด้วย
ข้อดี: มีฟีเจอร์ครอบคลุมและใช้งานง่าย เหมาะกับธุรกิจขนาดกลาง
ข้อเสีย: อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ หากต้องการฟังก์ชันการทำงานสูงสุด
Marketo: เน้นการสร้างและจัดการแคมเปญการตลาดและวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ละเอียด โดยปัจจุบันเป็นของ Adobe (Adobe Marketo Engage)
ข้อดี: มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิเคราะห์และการรายงาน เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่
ข้อเสีย: อาจมีความซับซ้อนในการตั้งค่า
มาเป็นพาร์ตเนอร์กับ Convert Digital เพราะเราพร้อมดูแลธุรกิจคุณแบบครบวงจร
เรียกได้ว่า Marketing Automation คือระบบการตลาดอัตโนมัติที่หากนำมาใช้งานอย่างถูกต้องเหมาะสมก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจได้มาก แต่ก่อนที่จะจัดการระบบต่าง ๆ ได้นั้น ผู้ประกอบการจะต้องป้อนข้อมูลหรือดำเนินการในแต่ละจุดอย่างสม่ำเสมอก่อน ไม่ว่าจะเป็นการคิดคอนเทนต์ เลือกภาพ เลือกคำ หรือแม้แต่รูปแบบโปรโมชันที่ดึงดูดใจมีความหลากหลาย สิ่งเหล่านี้หากเริ่มต้นไม่ถูกจุดก็อาจทำให้การใช้เครื่องมือต่อยอดผิดเพี้ยน หรือไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นมาเริ่มต้นปูพื้นฐานให้ธุรกิจแข็งแรงได้ด้วยการมีเราเป็นพาร์ตเนอร์ เพราะ Convert Digital เป็นบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติงเอเจนซี่ที่พร้อมดูแล และแลกเปลี่ยนไอเดียในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าใจแบบ All-in-One ไม่ว่าจะโปรเจกต์เล็กหรือใหญ่ เราพร้อมเป็นทีมเดียวกันกับคุณ!
ผู้เขียน
ธิดารัตน์ ศรีวิไล : หัวหน้าทีมคอนเทนต์
ตัวแม่ด้านคอนเทนต์ที่รักในการอัพเดทความรู้ใหม่ ๆ มีประสบการณ์ทั้งในด้านการตลาดและการเป็นนักข่าวมากว่า 10 ปี เธอเป็นนักชิมตัวยงที่รักการออกกำลังกาย และยังเก่งในการทำขนมอบหลากหลายชนิดในเวลาว่างอีกด้วย